งานกั้นห้อง
ผนังยิปซั่ม
ผนัง Isowall
ผนังกระจก
ผนังอิฐมวลเบา
ผนังอลูมิเนียม
งานฝ้าเพดาน
ยิบซั่ม
Isowall
ฉนวนกันความร้อน
งานพื้น
เทพื้นอาคาร
ซ่อมพื้นเดิม
ทาสีพื้น
ปูกระเบื้องเซรามิค
กระเบื้องยาง
งานหลังคา
หลังคาอาคาร
ที่จอดรถ
ซ่อมหลังคารั่ว
รางน้ำฝน
ลูกหมุนระบายอากาศ
งานผนัง
ทาสีอาคาร
แก้รอยร้าว
เจาะเพิ่มประตู
หน้าต่าง
งานไฟฟ้า
ระบบปกติ
ระบบ 3 เฟส
งานลิฟท์
ติดตั้งลิฟท์
ซ่อมลิฟท์
บริการทั้งหมด
งานกั้นห้อง
งานฝ้าเพดาน
งานพื้น
งานหลังคา
งานผนัง
งานไฟฟ้า
งานลิฟท์
เมนูทั้งหมด

สาระความรู้

ความแตกต่างระหว่าง Inbound และ Outbound ในธุรกิจโลจิสติกส์

 

โลจิสติกส์ เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการและการวางแผนการไหล หรือการเคลื่อนย้ายสินค้าหรือบริการ รวมถึงข้อมูลสารสนเทศและการเงิน จากจุดกำเนิดต้นทาง หรือผู้จัดส่งวัตถุดิบ ไปยังปลายทางที่มีการอุปโภค บริโภคเกิดขึ้น คือลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งกิจกรรมทางโลจิสจิกส์สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กระบวนการหลักๆ คือ

1.กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการจัดหา (Procurement)
2.กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้าย (Movement)
3.กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ (Storage)
4.กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการกระจาย (Distribute)

Inbound และ Outbound แตกต่างกันอย่างไรในธุรกิจโลจิสติกส์
หากพิจารณาจากกิจกรรมทางโลจิสติกส์ทั้ง 4 ประเภทแล้ว กิจกรรมทางโลจิสติกส์ทั้ง 4 ประเภทนั้นจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 หมวดหมู่หลักๆ คือ โลจิสติกส์ขาเข้า หรือ Inbound Logistics และ โลจิสติกส์ขาออกหรือ Outbound Logistics

Inbound Logistics
หรือโลจิสติกส์ขาเข้า ที่นับเป็นขั้นแรกของห่วงโซ่โลจิสติกส์ เนื่องจากเป็นการบริหารจัดการกิจกรรมทางโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหา จัดซื้อ และกำหนดระยะเวลานำเข้าวัตถุดิบจากผู้จำหน่ายวัตถุดิบ เพื่อส่งมอบวัตถุดิบไปยังกระบวนการผลิตต่างๆ ในโรงงาน และรวมไปถึงการควบคุมสต็อคสินค้าในคลังสินค้าอีกด้วย

Outbound Logistics
หรือโลจิสติกส์ขาออก เน้นไปที่กิจกรรมการเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการผลิตของโรงงาน ไปยังปลายทางนั่นก็คือลูกค้า ซึ่งจะนับรวมตั้งแต่การเคลื่อนย้ายสินค้าไปยังคลังสินค้า หรือศูนย์กระจายสินค้า ไปจนถึงการส่งสินค้าไปยังผู้จำหน่าย จนกระทั่งถึงมือลูกค้านั่นเอง

ความแตกต่างระหว่าง Inbound และ Outbound Logistics คือ

1.Inbound จะเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ การจัดหา นำเข้าวัตถุดิบ และจัดเก็บ แต่ในขณะที่ Outbound จะเน้นไปที่กิจกรรมกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภค

2.Inbound จะให้ความสำคัญกับการจัดสรรวัตถุดิบภายในโรงงานผู้ผลิต แต่ในขณะเดียวกัน Outbound จะให้ความสำคัญกับสินค้าสำเร็จรูปหรือผลิตภัณฑ์ส่งไปยังลูกค้า

3.ความสัมพันธ์ของ Inbound จะเป็นความสัมพันธ์กับผู้จำหน่ายวัตถุดิบ โรงงาน และคลังสินค้า แต่ความสัมพันธ์ของ Outbound จะเป็นความสัมพันธ์กับคลังสินค้า และผู้จัดจำหน่ายหรือลูกค้าเป็นหลัก

ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Inbound หรือ Outbound Logistics ต่างก็มีคลังสินค้าเป็นตัวกลางในการดำเนินกิจกรรม ทำให้การบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่ดี ควรจะมีการวางแผนบริหารคลังสินค้าที่ดีด้วยเช่นเดียวกัน

Image 1 Image 2